Pages

Showing posts with label ost. Show all posts
Showing posts with label ost. Show all posts

12 December 2011

TRACK | Trent Reznor and Atticus Ross: "Immigrant Song (ft. Karen O)"

http://30.media.tumblr.com/tumblr_lw2x9lTOfX1qb118bo1_500.jpg
Trent Reznor and Atticus Ross: "Immigrant Song (ft. Karen O)"
from The Girl With the Dragon Tattoo OST

นี่คือprofileของเพลงนี้: Trent Reznor(แห่ง NIN)และAtticus Rossผู้ชนะออสการ์สาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยมจากThe Social Network จับมือกับKaren O(แห่ง Yeah Yeah Yeahs) coverงานคลาสสิกของLed Zeppelin เพื่อใช้งานประกอบหนังเรื่องThe Girl With the Dragon Tattoo สร้างจากนิยายขายดีในชื่อเดียวกัน กำกับโดยDavid Fincher -- แค่อ่านprofileก็พอแล้วละ เลื่อนไปฟังข้างล่าง และดูวีดีโอที่นี่

19 February 2011

TRACK | Jonny Greenwood: "Don't Read What Hasn't Been Baptized by Time" (2010)

http://28.media.tumblr.com/tumblr_lgs0m9XVC11qb118bo1_500.png
Jonny Greenwood: "Don't Read What Hasn't Been Baptized by Time"
aka "Toki no senrei wo ukete inai mono wo yomuna"
aka '時の洗礼を受けていないものを読むな'

from Norwegian Wood OST (2010)

Norwegian Woodเป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากวรรณกรรมยอดฮิต ที่คนcoolๆเขาอ่านกัน -- ผมได้มีโอกาสชมภาพยนตร์เรื่องนี้ไปแล้ว ประทับใจกับความงดงามทั้งภาพ เรื่องราว รวมถึงเสียงดนตรีฝีมือของสมาชิกวงRadioheadผู้นี้ -- โดยชื่อเรื่องมาจากบทเพลงคลาสสิกของThe Beatles ซึ่งก็ถูกเปิดในend creditด้วย

Norwegian Woodเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ความทรงจำ ความรัก การสูญเสีย และการเติบโตสู่วัยผู้ใหญ่ มันเกิดขึ้นในปลายยุค60sในโตเกียว ซึ่งเหตุการณ์ในหนังถูกปฏิบัติดั่งเป็นการถวิลหาความทรงจำ เป็นอดีตที่เราระลึกถึง ไม่ใช่หนังperiod -- ผมจึงประทับในเพลงนี้ของJonny Greenwoodซึ่งถูกใช้บ่อยๆในหนัง...ที่ไม่ได้ทำตัวเป็นซาวน์แทร็คแห่งหนุ่มสาว60s แต่เป็นคล้ายความฝัน การเก็บเกี่ยวเรียงร้อยสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจ เหมือนเสียงกีต้าร์ถูกเกาไปอย่างเพราะพริ้ง แต่รู้ถึงได้ถึงเสน่ห์ของการด้นสดไหลๆไป ไร้ยุคสมัย ไร้กาลเวลา

16 August 2010

11 August 2010

WATCH: Spike Jonze: "I'm Here"



I'm Here Soundtrack
:

01 The Lost Trees: "There Are Many of Us"
02 Gui Boratto: "Beautiful Life"
03 Sleigh Bells: "A/B Machines"
04 The Lost Trees: "The Past Is a Grotesque Animal"
05 Animal Collective: "Did You See the Words"
06 Girls: "Hellhole Ratrace"
07 Sam Spiegel: "There Are Many of Us" (Electric Dream Version)
08 Sam Spiegel: "Lonesome Robot Theme"
09 Aska Matsumiya: "Y.O.U."

WATCH HERE

23 October 2009

track>> Anya Marina - "Satellite Heart" | New Moon Soundtrack (2009)

Anya Marina ชื่อนี้ไม่คุ้นเท่าไรตอนที่เห็นลิสต์ศิลปินที่ทำเพลงประกอบให้หนังเรื่อง New Moon พอฟังๆไปแล้วก็ติดหูดีนะ ไลน์กีต้าร์โปร่งแบบเล่นสายน้อยๆ เสียงแบบแหบบางๆ ฟังแล้วติดหูๆดี... >>>

12 October 2009

album>> The Twilight Saga: New Moon Soundtrack (2009)


Various Artists | The Twilight Saga: New Moon Soundtrack (2009)

หรือนี่จะเป็นอัลบัมที่ดีที่สุดแห่งปี...? หรือแห่งทศวรรษ? จุดสูงสุดของอินดี้ หรือ จุดจบของอินดี้ (ฮา) เพราะเพลงอินดี้ๆไปอยู่ในหนังตลาดวัยteenซะงั้น วงโปรดของท่านจะไม่เป็นของท่านอีกต่อไป ท่านจะไม่ใช่คนเดียวที่รู้จักศิลปินอินดี้ของท่าน ท่านไม่สามารถโชว์ipodหรือlastfm ให้คนดูแล้วแปลกใจ "อุ้ย เธอฟังเพลงแปลกจัง" เพราะต่อจากนี้เด็กม.ปลายฟังเพลงอีโมก็จะรู้จักวงชื่อยากๆศิลปินชื่อแปลกๆอย่าง Lykke Li และ St. Vincent ของท่านแล้ว (555)>

11 October 2009

album>> Karen O and The Kids | Where the Wild Things Are (2009)


Karen O and The Kids | Where the Wild Things Are (2009)

ซาวน์แทร็กจากหนังเรื่องใหม่ของ Spike Jonze [จากการแนะนำของเว็ปนี้] ...เพลง "All is Love"ที่ใช้ในtrailerก็เข้ากับหนังดี...น่ารักดี

07 October 2009

50 อัลบัมโปรดแห่งทศวรรษ2000 #50-46

My 50 Favorite Albums of the Decade #50-46
.
.
[[[ INTRO]]]
.
.
.

50. Röyksopp |Melody A.M. (2001)

"ชิวๆ" คืออีกหนึ่งคำที่ผมได้้ยินบ่อยๆในช่วงต้นยุค2000s ไม่รู้เหมือนกันว่ามาจากไหน...อาจจะมาจากกระแสของเพลงChill-Out...จำพวก Cafe Del Marอะไรแบบนั้น... Royksoppก็ทำเพลงชิวๆ...สองคู่หูใช้เสียงสังเคราะ์เรียบง่ายมาสร้างสรรค์ดนตรีบรรเลงสบายๆไร้พิษภัย-- สำหรับผม...ดนตรีพวกเขาไม่เรียกร้องให้เราเสพอย่างซีเรียสลึกซึ้ง แต่ในความไร้พิษภัยเหล่านั้นเปี่ยมไปด้วยพิษสง ...ไม่ว่าจะพิษสงจากความcatchyของเมโลดี้ที่แสนนุ่มเบา หรือจากความสะอาดสะอ้านของดนตรี ก็ตาม...ไม่แปลกที่เพลงอย่าง Eple หรือ Remind Me จะสามารถไปอยู่ในโฆษณาเครื่องMac หรือถูกเปิดบนแคทวอร์คแฟชั่นโชว์ (หรือเปิดฟังเพลินๆระหว่างอ่านหนังสือเตรียมสอบ) สบายๆ...//(แนะนำ: Poor Leno , Remind Me) (myspace | wiki)


49. Gorillaz | Demon Days (2005)

ผมเดาไม่ถูกเหมือนกันว่าเจ้าวงการ์ตูนของ Damon Albarnวงนี้ จะถูกมองอย่างไรในอีก10ข้างหน้า... จะเป็นอะไรขลังๆคลาสสิกๆ หรือเป็นของเก่าเชยๆแป๊นๆชวนหัวเราะ แต่ไม่ว่าจะยังไง...ก็ถือว่าเป็นหลักไมล์ที่น่าจดจำของวงการดนตรีทีเดียว ...ในเชิงดนตรี มันถูกแปะชื่อHip Hop Trip Hop และ ดนตรีอิเล็กโทรนิค เป็นความป็อปแบบแสนจะPoppyๆ...ทีเล่นทีจริง กวนๆ ด้วยดนตรีราวกับเวอร์ชั่นการ์ตูนของเพลงลาติน หรือของเพลงคาวบอย ...หรือของเพลงฮิปฮอป ...มากกว่าเวอร์ชั่นศึกษาจริงจัง มีเบสตูมๆและเมโลดี้แบบเก็กหล่อๆ (หนักๆเข้ามีกระทั่งเสียงคนเล่านิทาน หรือ เด็กนักเรียนร้องประสานเสียง) เป็นความสนุกสนานแบบเด็กๆวัยสะรุ่นๆผ่านการเจียระไนอย่างชาญฉลาดของคนเจนโลก ///(แนะนำ: Dirty Harry , Feel Good Inc. , Don't Get Lost In Heaven) (myspace | wiki)

48. The Walkmen | You & Me (2008)

อีกหนึ่งวงอเมริกันอินดี้กีต้าร์แบนด์ ที่วนเวียนในวงการมาตลอดทศวรรษนี้ แน่นอนว่าในปี2008คงไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกท่านจะได้ยินสับกีต้าร์คอร์ด'ตุแร๊งๆ' จะให้ว่ากันตรงๆก็คงต้องบอกว่า นั่นแทบจะเป็น'เสียงแห่งทศวรรษ' ก็ว่าได้ -- The Walkmenแม้จะใช้ภาษาดนตรีGarage Rock ที่ปฏิเสธความปรุงแต่งใดๆนอกเหนือจากอาวุธหลักของRock&Roll แต่พวกเขาไม่ยอมที่จะให้มันฟังแห้งแล้ง หรือหลุดไปสู่วังวนของ 'น้อยๆเก๋ๆ' ..กลับกันเขาสามารถบิ้วให้มันเป็นมหากาพย์...ให้มันยิ่งใหญ่...ให้มันลึกซึ้ง โดยบรรจงซ้อนทับหลากชั้นทางดนตรีของกีต้าร์คอร์ด ออร์แกนบางๆ กลองดุๆราวกับลั่นกลองรบ และเสียงร้องที่เปล่งออกมาอย่างสุดลำคอ -- ออกมาเป็นงานดนตรีืที่ฟังแล้วหูอิ่มฉ่ำไปด้วยนุ่มนวลของความหยาบกร้านของดนตรีร็อคที่ถูกผสมผสานอย่างลงตัว ///(In The New Year , If Only I Were True) (myspace | wiki)


47. The Go! Team | Thunder, Lightning, Strike (2004)

เพลง ที่ได้อารมณ์ราวกับรายการทีวียุค7o's อารมณ์ดนตรีsoulของคนดำ นึกถึงพวกกางเกงยีนขาบาน แด๊นซ์ใต้ไฟดิสโก้ แต่ทั้งหมดโดนร้องทับด้วยเสียงร้องแร๊ปแบบฮิปฮอป บรรเลงแบบวงอินดี้เต็มวง ...กีต้าร์ เบส และ กลองชุด(2 ชุด) ...เพลงของพวกเขาช่างcatchyจนเราไม่สนใจว่ามันถูกปรุงมาด้วยอะไร สิ่งเดียวที่เราสัมผัสคือจังหวะที่แสนคึกคักติดหู ชวนดิ้นอย่างไม่เหน็ดไม่เหนื่อย ...แต่พอหยุดฟังซักพัก มานั่งคิด... ผมรู้สึกว่ามันเป็นดนตรีแห่งวัยหนุ่มสาวแห่งวัยเยาว์ ...ซึ่งเมื่อรวมกับซาวน์โบราณๆบางอย่างของมัน มันก็สร้างอารมณ์ถวิลหาอดีตอันสวยงามไม่น้อย... (แนะนำ: Ladyflash , Bottle Rocket , Huddle Formation) (myspace | wiki)


46. Sally Shapiro | Disco Romance (2006)

เมื่อ พูดถึงดนตรีประเภท euro-dance สิ่งที่ผมนึกถึงแรกๆคือพวกเพลงเชียร์บอลโลกหรือบอลยูโรที่เฉิ่มๆหน่อย บีตหนักๆ เสียงร้องสำเนียงไม่คุ้นหู เสียงซินธ์ที่โหมกระหน่ำอย่างกับนึกว่าตัวเองเป็นวงออร์เคสตราสุดหรู ...แต่ผมกลับชอบงานของ Sally Shapiroซึ่งนำสิ่งที่เีรียกว่าItalo discoกลับมาได้อย่างเก๋ไก๋ ความพอดิบพอดีในการเรียบเรียงดนตรีที่ยังคงไม่อายที่จะใช้ซินธ์และบีตอยาก หนักหน่วง--แม้จะฟังดูมืดๆเล็กๆ แต่ด้วยส่วนผสมของเสียงร้องและเมโลดี้ที่ชวนให้นึกถึงงานtwee popน่ารักๆใสๆ ทำให้ผลลัพท์ช่างมีเสน่ห์อย่างประหลาด และสามารถถูกรสนิยมของคนที่ปกติไม่ค่อยฟังอะไรอย่างนี้ได้ง่ายๆ ...เรียกว่ามันพ้นเส้นของความเฉิ่ม มันน่่าสนใจ มันมั่นใจ...มันเท่่ห์...เท่ห์ในตัวของมันเอง /// (I'll Be By Your Side , Find My Soul) (myspace | wiki)

.
.
อ่านต่อ อันดับ #45-40>>>
.
.
.